เรียน ท่านผู้ถือหุ้น
ปี 2566 ถือเป็นปีที่ประเทศไทยกลับเข้าสู่สภาวะปกติแบบใหม่ (new normal) หลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเชื่อว่าจะปีที่เป็นฐานใหม่ของบริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) โดยบริษัทฯ มีรายได้รวม 27,710 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4.7 และมีกำไรสุทธิ 645.6 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6.2 จากปีก่อนหน้าเนื่องการหดตัวของตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) ที่ทั่วโลกหดตัวลง ร้อยละ 14.8* และสมาร์ทโฟนที่ตลาดโลกหดตัวลงร้อยละ 7.4*
คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและสมาร์ทโฟนเป็นสินค้าหลักของหน่วยธุรกิจสินค้าผู้บริโภคและหน่วยธุรกิจสินค้าโทรศัพท์ เป็นผลจากปัญหากำลังซื้อภาคครัวเรือนที่ลดลง ทำให้ยอดขายรวมสองหน่วยธุรกิจนี้ของบริษัทฯ ลดลงร้อยละ 18.7 และมีกำไรขั้นต้นลดลงร้อยละ 21.3 เทียบกับปีก่อนหน้า
ธุรกิจจากหน่วยธุรกิจสินค้ามูลค่าเพิ่มและหน่วยธุรกิจอื่น มีการเติบโตขึ้นตามตลาดที่ยังขยายตัว โดยรายได้รวมของ 2 หน่วยธุรกิจเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.1 และมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.3 แต่เนื่องจากหน่วยธุรกิจสินค้าผู้บริโภคและสินค้าโทรศัพท์มีขนาดใหญ่กว่ามาก จึงทำให้รายได้รวมและกำไรสุทธิลดลงตามที่กล่าวมาแล้ว
บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยในปี 2566 บริษัทฯ มีจำนวนลูกค้า 10,197 ราย เพิ่มขึ้น 504 ราย (ร้อยละ 5.2) ซึ่งการมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น ช่วยให้บริษัทฯ มียอดขายที่มั่นคง ลดความเสี่ยงในการพึ่งพาลูกค้าเฉพาะกลุ่มลง และสามารถขยายการขายสินค้าใหม่ให้กับลูกค้าที่มีอยู่แล้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายลิม เคีย เม้ง
ประธานกรรมการ
|
นายสมชัย สิทธิชัยศรีชาติ
กรรมการผู้จัดการ
|
สำหรับสินค้าเทคโนโลยีใหม่ บริษัทฯ ลงทุนระบบ Cloud โดยให้บริการในชื่อ SiS Cloud ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนจำหน่ายให้กับ Amazon AWS ในปี 2565 และ Microsoft Azure ในปี 2566 ตามลำดับ ซึ่งทั้งสองบริษัท เป็นผู้นำธุรกิจด้าน Cloud ระดับโลกในอันดับที่ 1 และ 2 ทำให้เชื่อว่าธุรกิจ Cloud จะสามารถเติบโตได้อีก โดยในปี 2566 หน่วยธุรกิจ Cloud มียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 48 และกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 66 บริษัทฯ ได้เพิ่มการลงทุนด้านบุคลากรในส่วนงาน Cloud อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่า จะทำให้บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่บริษัทฯ เชื่อว่าจะการลงทุนนี้เป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯ ในระยะยาว เนื่องจาก Cloud เป็นธุรกิจที่มีลักษณะรายได้ที่เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากการขยายธุรกิจแล้ว บริษัทฯ ยึดมั่นในการกำกับดูแลกิจการที่ดีตามแนวทางของ Organization for Economic Cooperation and Development (OECD) และการเติบโตอย่างยั่งยืน ทำให้บริษัทฯ ได้รับการประเมินด้านการกำกับดูแลกิจการในระดับดีเลิศซึ่งเป็นระดับสูงสุดอีกปี ต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า
ในนามตัวแทนของบริษัทฯ ขอขอบพระคุณคู่ค้า สถาบันการเงิน ลูกค้าตลอดจนคณะผู้้บริิหารและพนัักงานทุุกคนที่สนับสนุนบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯ จะยึดมั่นการดำเนินธุรกิจตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักบรรษัทภิบาลที่ดีเพื่อส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในประเทศไทย ให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์อย่างต่อเนื่อง